News & Events An Essence For Taste Life

PDPA (Personal Data Protection Act, B.E. 2562 (2019)) คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นวันที่ พ.ร.บ. PDPA นี้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายทั้งฉบับ

Jun 01, 2022

แนวปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญา คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ

บริษัท ฟูดเทค โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด

บริษัท ฟูดเทค โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (“บริษัท”) ได้ให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่าน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้จัดทำขึ้นเพื่อที่จะชี้แจ้งรายละเอียดและวิธีการจัดการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน ทั้งนี้ทาง บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผลตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับความปลอดภัย และการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงป้องกันการสูญหาย การเข้าถึงโดยมิชอบ การทำลาย การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไขหรือการเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อน อีกทั้งให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อข้อมูลส่วนบุคคลตั้งแต่การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา การบริหารจัดการ การใช้ ไปจนถึงการเปิดเผย ตลอดจนสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจึงได้จัดทำมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) นี้ ขึ้นและขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทำความเข้าใจ เนื่องจากมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทจะดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสม โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หมายถึง ลูกจ้าง พนักงาน กรรมการบริษัท ผู้บริหาร ผู้สอบบัญชี ลูกค้าและ/หรือ คู่ค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา ทั้งของบริษัท บริษัทร่วมทุน ซึ่งต่อไปในมาตรการฉบับนี้จะเรียกว่า “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัท”

1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูล

“ข้อมูลส่วนบุคคล (ทั่วไป)” ได้แก่ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตน หรืออาจจะระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อาทิ ชื่อ-นามสกุล คำนำหน้าชื่อ เพศ วันเดือนปีเกิด ที่ หมายเลขบัตรประชานชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ตำแหน่ง สัญชาติ อายุ ประสบการณ์ทำงานหรือประวัติการทำงานที่ และ/หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งในรูปแบบเอกสารหรือแบบอิเล็กทรอนิกส์

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ ซึ่งจำเป็นต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลประเภทนี้ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทาง

เพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน และข้อมูลพันธุกรรม ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความยินยอมตามกฎหมายของท่าน หรือมีความจำเป็นตามที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้

“ข้อมูลเพื่อการติดต่อ” เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลส่วนตัว

“ข้อมูลทางการเงินธุรกิจ” เช่น หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร ข้อมูลการทำธุรกรรม รายละเอียดราคาและผลิตภัณฑ์

“ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ” เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศและเว็บไซต์ต่าง ๆ ของบริษัทฯ การบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด

2. แหล่งที่มาของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่เราโดยตรงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การแลกนามบัตร การให้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาคุณสมบัติ เป็นต้น และ/หรือยบริษัทนั้นจะกระทำโดยอาศัยหลักความจำเป็นและภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้แจ้งไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอม ก่อนการเก็บ รวบรวม ข้อมูล ผ่านรูปแบบวิธีการทางเอกสารหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นของบริษัท ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคล อาจเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

2.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ข้อกำหนดและกฎระเบียบเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

2.2 เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น ๆ

2.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น รวมถึงเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามเงื่อนไขในการทำงานของบริษัท

3. การเก็บรักษาและระยะเวลา

บริษัทจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากออำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทจะทบทวน

มาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

บริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ และตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

4. ข้อจำกัดในการใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามความยินยอมของเจ้าของข้อมูล และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับความยินยอมมาจากเจ้าของข้อมูล เพื่อการจัดเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลโดยบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัท ให้ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยอาจมีข้อยกเว้ดังต่อไปนี้

1. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ

2. เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน การเช็คประวัติอาชญากรรม หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

3. เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

4. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

5. เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วน

บุคคลหรือบุคคลอื่น ๆ

6. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

7. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติ หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

8. บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยห้ามเก็บ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

9. เป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของบริษัทฯหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น (เช่น ผู้ถือหุ้นบริษัทฯที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น และบริษัทอื่นในกลุ่มในเครือ) โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูล เช่น การตรวจสอบและการบริหารจัดการภายในองค์กรของบริษัท หรือภายในกลุ่มบริษัท การขายหุ้นหรือกิจการที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ซื้อ เป็นต้น

10.การติดต่อสื่อสารในทางธุรกิจ รวมถึง การทำการรับ-จ่ายเงินอีกด้วย

5. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1. สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล

2. สิทธิในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้เป็นปัจจุบันได้

3. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

4. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิเพิกถอนความยินยอม ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิระงับ และ/หรือเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทตลอดระยะเวลา

6. การทบทวนและการเปลี่ยนแปลงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นต่อหน่วยงานต่าง ๆ โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ทราบอย่างชัดเจน

7. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล การใช้สิทธิของท่าน เป็นต้น หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อได้ตามช่องทางดังนี้

ช่องทางการติดต่อบริษัท

บริษัท ฟูดเทค โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด

เลขที่ 196 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13160

โทรศัพท์: 035-351510-2 แฟกซ์ 035-351513 (สำนักงานใหญ่)

บังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน 2565